จากการออกแบบที่ได้มาจะแบ่งผลที่ได้ออกเป็น 2 ส่วนได้แก่
1. ส่วนของแอพพลิเคชั่น
1.1 ไอคอนของแอพพลิเคชั่น
ส่วนประกอบของหน้าจอหลักในแอพพลิเคชั่นจะมี
6 ส่วนต่างๆดังนี้
1.ส่วนแสดงคลื่นวิทยุที่กำลังเล่นอยู่ ซึ่งเมื่อแตะที่
ส่วนนี้จะมีแป้นพิมพ์เพื่อให้ผู้ใช้ป้อนคลื่นความถี่ได้
2.ปุ่ม Change Frequency มีหน้าที่เมื่อผู้ใช้ป้อนค่า
คลื่นความถี่ที่ต้องการแล้วต้องกดปุ่มนี้เพื่อยืนยัน
การเปลี่ยนค่า
3.Slider Bar เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ไว้เปลี่ยนคลื่นวิทยุ
เมื่อผู้ใช้เลื่อนแถบ
4.ปุ่ม Seek Up Frequency เป็นส่วนที่ทำหน้าที่
หาคลื่นวิทยุอัตโนมัติเป็นการหาคลื่นวิทยุที่อยู่ถัดไป
5.ปุ่ม Seek Down Frequency เป็นส่วนที่ทำหน้าที่หา
คลื่นวิทยุอัตโนมัติเป็นการหาคลื่นวิทยุที่อยู่ก่อนหน้า
6. Volume Slider bar เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ไว้ลด/เพิ่ม
ระดับเสียงเมื่อผู้ใช้เลื่อนแถบ
หากผู้ใช้ต้องการเปลี่ยน IP Destination , Port Destination หรือ My Port สามารถทำได้โดยกดตรงปุ่ม option ดังภาพตัวอย่างด้านล่าง
2. ส่วนของบอร์ด NUCLEO
ในส่วนของวงจรที่ได้ออกแบบวงจรไว้ผลที่ได้จะเป็นวงจรดังรูปด้านล่าง
Volt/Div = 50 mV Time/Div = 200 ms Volume = 0 |
Volt/Div = 200 mV Time/Div = 200 ms Volume = 18 |
ซึ่งผลกการทดลองใช้งานวงจรสามารถชมได้จากคลิปวิดีโอด้านล่างนี้
สรุปผลการทำงาน
สำหรับผลการทำงานที่ได้โมดูลต่างๆสามารถทำงานได้ตรงตามที่ต้องการโดยแอนดรอยด์แอพพลิเคชั่นสามารถส่งข้อมูลที่ใช้รูปแบบ UDP โดยทำการติดต่อผ่าน Ethernet Module ENC28J60 มายังบอร์ด STM32-NUCLEO-F401RE เพื่อให้บอร์ด NUCLEO ไปควบคุมโมดูล FM Receiver SPK-TFM-1010 ซึ่งเป็นตัวรับคลื่นวิทยุแล้วส่งเอาต์พุตออกไปทางลำโพง ซึ่งฟังก์ชันบนแอนดรอยด์แอพพลิ-เคชั่นต่างๆมีดังนี้
- ฟังก์ชันเปลี่ยนคลื่นวิทยุโดยการใส่ค่าความถี่ในหน่วน MHz หรือปรับโดยใช้แถบสไลด์
- ฟังก์ชันการปรับเสียงสามารถปรับได้ทั้งหมด 18 ระดับ
- ฟังก์ชันค้นหาสถานีที่อยู่ก่อนหน้าหรือถัดไปโดยอัตโนมัติ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 010123120 Embedded System Design Lab
คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
No comments:
Post a Comment